วิวัฒนาการของมนุษย์
วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วิวัฒนาการของมนุษย์
วิวัฒนาการของมนุษย์
มนุษย์กลุ่มแรกถือกำเนิดและมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ
20,000,000 ปีมาแล้ว แต่ก็มีคำถามมากมายที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า
ที่ผ่านมานั้นมนุษย์ใดมีการเปลี่ยนแปลงเป็นไปในลักษณะใดและอย่างไรบ้าง
นอกเหนือจากปัญหาซึ่งเป็นที่ยอมรับกันแน่นอนว่ามนุษย์และวานรนั้นสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน
นักมานุษยวิทยาเป็นผู้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมนุษย์โดยตรง นักวิชาการสาขานี้พยายามค้นคว้าหาหลักฐานเพื่ออธิบายแหล่งกำเนิด
ความเป็นมาและวิวัฒนาการทางด้านกายภาพและทางด้านวัฒนธรรม (ความคิด) ของมนุษย์
ส่วนนักวิชาการด้านอื่นๆ
ที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่ากันในการศึกษาเกี่ยวกับความเป็นมาของมนุษย์ก็คือ
นักโบราณคดี นักชีววิทยา นักกายวิภาคศาสตร์ เป็นต้น
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกไพรเมต
(Primate) สันนิษฐานว่าไพรเมตเริ่มแรกเป็นพวกสัตว์กินแมลงอาศัยอยู่ตามต้นไม่มีลักษณะคล้ายกระแต
หากินในเวลากลางคืน ต่อมาปรับตัวหากินในเวลากลางวันห้อยโหนต้นไม้คล่องขึ้น
และวิวัฒนาการมาเป็นลิง
ลำดับขั้นไพรเมต แยกเป็น 2 ลำดับขั้นย่อย คือ
1.
พวกไพรเมตชั้นต่ำ ได้แก่ พวกลิงลม และลิงทาร์ซิเมอร์
ซึ่งถือว่าเป็นบรรพบุรุษของพวกไพรเมตชั้นสูง มีนิ้วบางนิ้วเริ่มมีเล็บแบน
และมีหางยาวคล้ายกับลิงอื่นๆ แต่หน้ายังยื่นยาวคล้ายหนูและมีเบ้าตาลึก
2.
พวกไพรเมตชั้นสูง แบ่งเป็น 3 พวก ดังนี้
-
พวกที่ 1 ลิงโลกใหม่ เป็นลิงที่มีรูจมูลกว้าง
มีหางทำหน้าที่คล้ายมือและเท้าในการจับกิ่งไม้ แขนขายาว ห้อยโหนเต็มที่
พบมากในทวีปอเมริกาใต้และอเมริกากลาง
-
พวกที่ 2 ลิงโลกเก่า
เป็นลิงที่มีรูจมูกใหญ่หางไม่ได้ทำหน้าที่ช่วยจบกิ่งไม้เหมือนกับพวกที่ 1
พบมากที่ทวีปแอฟริกาใต้ เอเชียและยุโรป จึงเรียกว่าเป็นลิงในโลกเก่า ได้แก่
ลิงบาบูน ลิงแสม ลิงกัง ค่าง
-
พวกที่ 3 ลิงไม่มีหาง เข้าใจกันว่ามีวิวัฒนาการสืบทอดมาจากลิงในโลกเก่า แบ่งเป็น 2
กลุ่ม คือ พวกวานรมนุษย์ซึ่งมีเขี้ยวใหญ่เลยระดับฟันแถวเดียวกัน
จนต้องมีช่องว่างระหว่างฟันไว้รับปลายเขี้ยว มีการเดินโดยใช้ 4 ขา ได้แก่ ชะนี
อุรังอุตัง ชิมแปนชี กอริลลา อีกกลุ่มคือ พวกมนุษย์
ลักษณะสำคัญของตระกูลโฮมินิเด
คือ มีเขี้ยวเล็กและอยู่ในระดับเดียวกับฟันอื่น เดิน 2 ขา จากการพบซากดึกดำบรรพ์
ทำให้แบ่งตระกูลนี้ได้เป็น 3 สายพันธุ์ คือ รามาพิเธคัส ออสตราโลพิเธคัส และโฮโม
ฉะนั้น
นักวิชาการเกี่ยวกับมนุษย์สาขาต่างๆ
สรุปความเห็นตรงกันว่าทวีปแอปริกาคือถิ่นกำเนิดของมนุษย์มนุษย์ในยุคแรกๆ
ที่พบหลักฐานคือ มนุษย์วานร กล่าวกันว่า มนุษย์วิวัฒนาการมาจากสัตว์สกุลลิงใหญ่ (Ape)
เมื่อประมาณ 4 ล้านปีมาแล้ว คือเริ่มลงมาเดินสองขาที่เราเรียกว่า
ออสตราโลพิเธคัส (Australopithecus) และต่อมาได้วิวัฒนาการมาเป็นโฮโม
แฮบิลิส (Homa Habilis) หรือมนุษย์ที่รู้จักใช้เครื่องมือ
2.5 ล้านปีมาแล้ว) และพัฒนาต่อมาเป็นโฮโม อีเรคตัส (Homo Erectus) หรือมนุษย์ที่ยืนตัวตรง 1.5-2 ล้านปี)
และวิวัฒนาการต่อมาเป็นมนุษย์ปัจจุบัน คือ โฮโม เซเปียนส์ เซเปียนส์ (Homo
Sapiens Sapiens หรือมนุษย์ผู้ชาญฉลาดยิ่ง) เมื่อประมาณ 1-2
แสนปีที่ผ่านมา
ในช่วงก่อนวิวัฒนาการมาสู่ขั้นโฮโม
เซเปียนส์ เซเปียนส์ ต้นบรรพบุรุษมนุษย์วิวัฒนาการโดยอาศัยหลักเดียวกับสิ่งที่มีชีวิต
สัตว์ พืช อื่นๆ คือ การปรับตัวเพื่อการเคลื่อนไหวที่ใช้สองขา
การเพิ่มขนาดของสมองฯลฯ เป็นต้น โดยมีปัจจัยพิเศษเพิ่มเติม คือ
การรู้จักใช้เครื่องมือหยาบๆ ตั้งแต่ยุคของโฮโม แฮบิลิสเมื่อ 2.5 ล้านปีมาแล้ว
รวมทั้งการรู้จักใช้ไฟ การรวมกลุ่ม การสร้างที่พักอาศัย ในช่วงของโฮโมอีเรตัส
เมื่อ 1.5 ล้านปีมาแล้ว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนของการใช้ระบบภาษา
ถ้าเราถือว่าภาษาเป็นปัจจัยสำคัญสุดของความเป็นมนุษย์
เราก็คงเรียกช่วงนี้ว่าเป็นช่วงก่อนวัฒนธรรม (pre-culture)
หรือกึ่งวัฒนธรรม (quasi culture)
ในช่วงการเกิดโฮโม
เซเปียนส์ เซเปียนส์ มีลักษณะพิเศษเกิดขึ้นกับมนุษย์
นั่นคือการพัฒนาสมองซึ่งนอกจากจะมีขนาดใหญ่ขึ้นจาก 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตรของโฮโม
อีเรคตัส เป็น 1,300
ลูกบาศก์เซนติเมตรแล้วยังเป็นการพัฒนาการสมองในส่วนซึ่งมีบทบาทช่วยในความสามารถในการใช้ภาษากับการคิดที่เป็นรูปธรรมขึ้นด้วย
จากจุดนี้ได้นำมนุษย์ไปสู่การวิวัฒนาการทางความคิดและวัฒนธรรม
ช่วงการพัฒนาความสามารถทางภาษาและจินตนาการของมนุษย์ปัจจุบัน
จึงเกิดมาเมื่อเพียง 5 หมื่นปีเศษมานี้เอง เพราะเป็นช่วงที่เราพบในเชิงศิลปะ
พิธีกรรม ของมนุษย์อย่างแพร่หลาย กว้างขวาง และนับจากนั้นมนุษย์ก็ได้อาศัยภาษา
ศิลปะ จินตนาการของตน พัฒนาตัวเอง ทั้งในด้านเครื่องมือ เสื้อผ้า
เครื่องใช้ไม้สอยอื่นๆ จนพัฒนาตัวเองไปอย่างรวดเร็ว
เราจึงอาจเรียกวิวัฒนาการในช่วงนี้ของมนุษย์ว่าเป็นขั้นตอนของการใช้วัฒนธรรมทั้งความคิดและวัตถุ
(Ideational กับ material culture) เป็นปัจจัยสำคัญและก็เป็นที่สังเกตได้ว่ามนุษย์ได้หยุดกระบวนการวิวัฒนาการเชิงกายภาพในช่วงนี้
ยกเว้นแต่การปรับตัวเล็กน้อยเพื่อเข้ากับสภาพแวดล้อมเฉพาะ
พัฒนาการของมนุษย์ในยุครามาพิเธคัส
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่คิดว่าลิงมีหางสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษไพรเมตที่ชื่อว่าโปรซิเมี่ยน
(Prosimian) โดยตรง ในขณะที่เอพล์ (Apes)
ไม่มีหาง แถวเอเชียตะวันออก รวมถึงชะนี และอุรังอุตัง
มาจากสายพันธุ์ที่แยกมาทีหลัง ที่เรียกว่า ไพลโอพิเธคัส (Pliopithecus) ในขณะที่ซิมแปนซี และกอริล่าเชื่อว่ามาจากไพรเมตที่ชื่อว่าไดรโอพิเธคัส (Dryopithecus)
ส่วนมนุษย์นั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าต้นตระกูลที่แท้จริงคือ
รามาพิเธคัส (Ramapithecus) ซึ่งอาจจะแตกสายพันธุ์ออกก่อนหน้านั้นเช่นจากโปรคอนซูล
(Proconsul) ไพรเมตรุ่นแรกๆ หน้าสั้นที่มีกรามสำหรับเคี้ยว
วิวัฒนาการของมนุษย์
มนุษย์กลุ่มแรกถือกำเนิดและมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ
20,000,000 ปีมาแล้ว แต่ก็มีคำถามมากมายที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า
ที่ผ่านมานั้นมนุษย์ใดมีการเปลี่ยนแปลงเป็นไปในลักษณะใดและอย่างไรบ้าง
นอกเหนือจากปัญหาซึ่งเป็นที่ยอมรับกันแน่นอนว่ามนุษย์และวานรนั้นสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน
นักมานุษยวิทยาเป็นผู้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมนุษย์โดยตรง นักวิชาการสาขานี้พยายามค้นคว้าหาหลักฐานเพื่ออธิบายแหล่งกำเนิด
ความเป็นมาและวิวัฒนาการทางด้านกายภาพและทางด้านวัฒนธรรม (ความคิด) ของมนุษย์
ส่วนนักวิชาการด้านอื่นๆ
ที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่ากันในการศึกษาเกี่ยวกับความเป็นมาของมนุษย์ก็คือ
นักโบราณคดี นักชีววิทยา นักกายวิภาคศาสตร์ เป็นต้น
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกไพรเมต
(Primate) สันนิษฐานว่าไพรเมตเริ่มแรกเป็นพวกสัตว์กินแมลงอาศัยอยู่ตามต้นไม่มีลักษณะคล้ายกระแต
หากินในเวลากลางคืน ต่อมาปรับตัวหากินในเวลากลางวันห้อยโหนต้นไม้คล่องขึ้น
และวิวัฒนาการมาเป็นลิง
ลำดับขั้นไพรเมต แยกเป็น 2 ลำดับขั้นย่อย คือ
1.
พวกไพรเมตชั้นต่ำ ได้แก่ พวกลิงลม และลิงทาร์ซิเมอร์
ซึ่งถือว่าเป็นบรรพบุรุษของพวกไพรเมตชั้นสูง มีนิ้วบางนิ้วเริ่มมีเล็บแบน
และมีหางยาวคล้ายกับลิงอื่นๆ แต่หน้ายังยื่นยาวคล้ายหนูและมีเบ้าตาลึก
2.
พวกไพรเมตชั้นสูง แบ่งเป็น 3 พวก ดังนี้
-
พวกที่ 1 ลิงโลกใหม่ เป็นลิงที่มีรูจมูลกว้าง
มีหางทำหน้าที่คล้ายมือและเท้าในการจับกิ่งไม้ แขนขายาว ห้อยโหนเต็มที่
พบมากในทวีปอเมริกาใต้และอเมริกากลาง
-
พวกที่ 2 ลิงโลกเก่า
เป็นลิงที่มีรูจมูกใหญ่หางไม่ได้ทำหน้าที่ช่วยจบกิ่งไม้เหมือนกับพวกที่ 1
พบมากที่ทวีปแอฟริกาใต้ เอเชียและยุโรป จึงเรียกว่าเป็นลิงในโลกเก่า ได้แก่
ลิงบาบูน ลิงแสม ลิงกัง ค่าง
-
พวกที่ 3 ลิงไม่มีหาง เข้าใจกันว่ามีวิวัฒนาการสืบทอดมาจากลิงในโลกเก่า แบ่งเป็น 2
กลุ่ม คือ พวกวานรมนุษย์ซึ่งมีเขี้ยวใหญ่เลยระดับฟันแถวเดียวกัน
จนต้องมีช่องว่างระหว่างฟันไว้รับปลายเขี้ยว มีการเดินโดยใช้ 4 ขา ได้แก่ ชะนี
อุรังอุตัง ชิมแปนชี กอริลลา อีกกลุ่มคือ พวกมนุษย์
ลักษณะสำคัญของตระกูลโฮมินิเด
คือ มีเขี้ยวเล็กและอยู่ในระดับเดียวกับฟันอื่น เดิน 2 ขา จากการพบซากดึกดำบรรพ์
ทำให้แบ่งตระกูลนี้ได้เป็น 3 สายพันธุ์ คือ รามาพิเธคัส ออสตราโลพิเธคัส และโฮโม
ฉะนั้น
นักวิชาการเกี่ยวกับมนุษย์สาขาต่างๆ
สรุปความเห็นตรงกันว่าทวีปแอปริกาคือถิ่นกำเนิดของมนุษย์มนุษย์ในยุคแรกๆ
ที่พบหลักฐานคือ มนุษย์วานร กล่าวกันว่า มนุษย์วิวัฒนาการมาจากสัตว์สกุลลิงใหญ่ (Ape)
เมื่อประมาณ 4 ล้านปีมาแล้ว คือเริ่มลงมาเดินสองขาที่เราเรียกว่า
ออสตราโลพิเธคัส (Australopithecus) และต่อมาได้วิวัฒนาการมาเป็นโฮโม
แฮบิลิส (Homa Habilis) หรือมนุษย์ที่รู้จักใช้เครื่องมือ
2.5 ล้านปีมาแล้ว) และพัฒนาต่อมาเป็นโฮโม อีเรคตัส (Homo Erectus) หรือมนุษย์ที่ยืนตัวตรง 1.5-2 ล้านปี)
และวิวัฒนาการต่อมาเป็นมนุษย์ปัจจุบัน คือ โฮโม เซเปียนส์ เซเปียนส์ (Homo
Sapiens Sapiens หรือมนุษย์ผู้ชาญฉลาดยิ่ง) เมื่อประมาณ 1-2
แสนปีที่ผ่านมา
ในช่วงก่อนวิวัฒนาการมาสู่ขั้นโฮโม
เซเปียนส์ เซเปียนส์ ต้นบรรพบุรุษมนุษย์วิวัฒนาการโดยอาศัยหลักเดียวกับสิ่งที่มีชีวิต
สัตว์ พืช อื่นๆ คือ การปรับตัวเพื่อการเคลื่อนไหวที่ใช้สองขา
การเพิ่มขนาดของสมองฯลฯ เป็นต้น โดยมีปัจจัยพิเศษเพิ่มเติม คือ
การรู้จักใช้เครื่องมือหยาบๆ ตั้งแต่ยุคของโฮโม แฮบิลิสเมื่อ 2.5 ล้านปีมาแล้ว
รวมทั้งการรู้จักใช้ไฟ การรวมกลุ่ม การสร้างที่พักอาศัย ในช่วงของโฮโมอีเรตัส
เมื่อ 1.5 ล้านปีมาแล้ว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนของการใช้ระบบภาษา
ถ้าเราถือว่าภาษาเป็นปัจจัยสำคัญสุดของความเป็นมนุษย์
เราก็คงเรียกช่วงนี้ว่าเป็นช่วงก่อนวัฒนธรรม (pre-culture)
หรือกึ่งวัฒนธรรม (quasi culture)
ในช่วงการเกิดโฮโม
เซเปียนส์ เซเปียนส์ มีลักษณะพิเศษเกิดขึ้นกับมนุษย์
นั่นคือการพัฒนาสมองซึ่งนอกจากจะมีขนาดใหญ่ขึ้นจาก 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตรของโฮโม
อีเรคตัส เป็น 1,300
ลูกบาศก์เซนติเมตรแล้วยังเป็นการพัฒนาการสมองในส่วนซึ่งมีบทบาทช่วยในความสามารถในการใช้ภาษากับการคิดที่เป็นรูปธรรมขึ้นด้วย
จากจุดนี้ได้นำมนุษย์ไปสู่การวิวัฒนาการทางความคิดและวัฒนธรรม
ช่วงการพัฒนาความสามารถทางภาษาและจินตนาการของมนุษย์ปัจจุบัน
จึงเกิดมาเมื่อเพียง 5 หมื่นปีเศษมานี้เอง เพราะเป็นช่วงที่เราพบในเชิงศิลปะ
พิธีกรรม ของมนุษย์อย่างแพร่หลาย กว้างขวาง และนับจากนั้นมนุษย์ก็ได้อาศัยภาษา
ศิลปะ จินตนาการของตน พัฒนาตัวเอง ทั้งในด้านเครื่องมือ เสื้อผ้า
เครื่องใช้ไม้สอยอื่นๆ จนพัฒนาตัวเองไปอย่างรวดเร็ว
เราจึงอาจเรียกวิวัฒนาการในช่วงนี้ของมนุษย์ว่าเป็นขั้นตอนของการใช้วัฒนธรรมทั้งความคิดและวัตถุ
(Ideational กับ material culture) เป็นปัจจัยสำคัญและก็เป็นที่สังเกตได้ว่ามนุษย์ได้หยุดกระบวนการวิวัฒนาการเชิงกายภาพในช่วงนี้
ยกเว้นแต่การปรับตัวเล็กน้อยเพื่อเข้ากับสภาพแวดล้อมเฉพาะ
พัฒนาการของมนุษย์ในยุครามาพิเธคัส
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่คิดว่าลิงมีหางสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษไพรเมตที่ชื่อว่าโปรซิเมี่ยน
(Prosimian) โดยตรง ในขณะที่เอพล์ (Apes)
ไม่มีหาง แถวเอเชียตะวันออก รวมถึงชะนี และอุรังอุตัง
มาจากสายพันธุ์ที่แยกมาทีหลัง ที่เรียกว่า ไพลโอพิเธคัส (Pliopithecus) ในขณะที่ซิมแปนซี และกอริล่าเชื่อว่ามาจากไพรเมตที่ชื่อว่าไดรโอพิเธคัส (Dryopithecus)
ส่วนมนุษย์นั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าต้นตระกูลที่แท้จริงคือ
รามาพิเธคัส (Ramapithecus) ซึ่งอาจจะแตกสายพันธุ์ออกก่อนหน้านั้นเช่นจากโปรคอนซูล
(Proconsul) ไพรเมตรุ่นแรกๆ หน้าสั้นที่มีกรามสำหรับเคี้ยว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)